ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (ไคเซ็น) ของพนักงานฝ่ายการผลิต บริษัท ทีซีแอล ทอมสัน อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (ไคเซ็น)
ของพนักงานฝ่ายการผลิต
บริษัท ทีซีแอล ทอมสัน อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ผู้แต่ง : อดิเรก เพ็ชร์รื่น และพุทธกาล รัชธร
เอกสาร : วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์)
ปีที่ 3 ฉบับที่ 5 มกราคม-มิถุนายน 2554
ความเป็นมา/หลักการและเหตุผล
จากการนำไคเซ็นมาประยุกต์ใช้ในองค์กรต่างๆ
ทำให้ได้รับความสนใจที่จะนำไคเซ็นมาเป็นกลยุทธ์ในการบริหารคุณภาพและการปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
ซึ่งบริษัท ทีซีแอล ทอมสันอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูปและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
เช่น เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องบันทึกและเครื่องเล่นวิดีโอ ดีวีดี หรือชิ้นส่วนต่างๆที่จัดเป็นชุดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องรับโทรทัศน์โดยมียอดขายเฉลี่ยประมาณ
6.6 พันล้านบาทต่อปีทั้งนี้บริษัทฯ ได้นำหลักการของไคเซ็นมาประยุกต์ใช้ในองค์กร
เพื่อที่จะนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพ
ในการปฏิบัติงาน เพื่อที่จะป้องกันหรือลดความสูญเสียของผลงานหรือชิ้นงานก่อนที่จะส่งต่อให้บุคลากรหรือหน่วยงานอื่นที่จะต้องรับผิดชอบในขั้นตอนต่อไปหากพนักงานทุกคนสามารถผลิตผลงานที่ตรงตามคุณสมบัติที่ลูกค้าของแต่ละคนต้องการแล้ว
ความสูญเสียทั้งเวลา ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น นั่นหมายถึงต้นทุนการผลิตที่ลดน้อยลง
ความสามารถในการยืนหยัด และการแข่งขันในเชิงธุรกิจจะเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นโดยบริษัทฯ
ได้นำวิธีการของไคเซ็นมาใช้ โดยให้พนักงานทุกคนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่างๆ ในวิธีของไคเซ็น (Kaizen)ซึ่งจะประกอบด้วย กิจกรรม 5 ส กิจกรรมระบบข้อเสนอแนะ
ซึ่งในการนำวิธีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องหรือที่เรียกว่าไคเซ็นมาใช้ในบริษัทฯ นั้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากพนักงานทุกคนในบริษัท นับตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงจนถึงพนักงานระดับล่างได้มีส่วนร่วมในการปรับปรุงวิธีการทำงานและกระบวนการทำงานให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
และเพื่อให้การทำไคเซ็นนั้นประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ดังนั้นการศึกษาถึงปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น) ของพนักงานฝ่ายการผลิต บริษัททีซีแอล
ทอมสัน อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัดจึงเป็นสิ่งที่ผู้ทำวิจัยได้ให้ความสนใจในการทำวิจัยครั้งนี้
เพื่อที่จะได้ทราบถึงระดับการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของพนักงานในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
เพื่อที่จะได้เป็นแนวทางในการชี้แนะให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
และประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
วัตถุประสงค์
1.
ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมและปัจจัยต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของพนักงานฝ่ายการผลิต
2.
เปรียบเทียบความแตกต่างการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของพนักงานฝ่ายการผลิตจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
และปัจจัยด้านความรู้เกี่ยวกับไคเซ็น
3.
ศึกษาความสัมพันธ์การมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของพนักงานฝ่ายการผลิตกับปัจจัยทางด้านจิตวิทยา
ปัจจัยด้านการติดต่อสื่อสารและปัจจัยด้านการรับรู้นโยบายบริษัทในการทำไคเซ็น
เครื่องมือวิจัย
ในการวิจัยครั้งนี้ใช้แบบสอบถาม
(Questionnaire) ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการ
ศึกษาโดยแบบสอบถาม แบ่งออกเป็น 9 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยด้านส่วนบุคคล เป็นคำถามให้เลือกคำตอบ จำนวน
7 ข้อ
ตอนที่ 2 แบบสอบถามวัดความรู้เกี่ยวกับไคเซ็น ประกอบด้วยกิจกรรม 5 ส และกิจกรรมระบบข้อเสนอแนะ จำนวน 16 ข้อ เป็นคำถามที่ให้เลือกตอบว่า
ใช่ หรือ ไม่ใช่
ตอนที่ 3 แบบสอบถามวัดทัศนคติของพนักงานต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น) จำนวน 16 ข้อ ใช้มาตราวัดแบบLikert
Scale มีคำตอบให้เลือก 5 ระดับ ประกอบด้วย คำถามเชิงบวก
และคำถามเชิงลบ
ตอนที่ 4 แบบสอบถามวัดแรงจูงใจของพนักงานต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น) จำนวน 10 ข้อ ใช้มาตราวัดแบบLikert
Scale มีคำตอบให้เลือก 5 ระดับ ประกอบด้วยคำถามเชิงบวก
ตอนที่ 5 แบบสอบถามวัดขวัญและกำลังใจของพนักงานต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น) จำนวน 10 ข้อ ใช้มาตราวัดแบบLikert
Scale มีคำตอบให้เลือก 5 ระดับ ประกอบด้วยคำถามเชิงบวก
และคำถามเชิงลบ
ตอนที่ 6 แบบสอบถามวัดด้านการติดต่อสื่อสารต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง(ไคเซ็น) จำนวน 5 ข้อ ใช้มาตราวัดแบบ
LikertScale มีคำตอบให้เลือก 5 ระดับ ประกอบด้วยคำถามเชิงบวก
ตอนที่ 7 แบบสอบถามวัดการรับรู้นโยบายบริษัทของพนักงานต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น) จำนวน 5 ข้อ ใช้มาตราวัดแบบ
Likert Scale มีคำตอบให้เลือก 5 ระดับประกอบด้วย
คำถามเชิงบวก
ตอนที่ 8 แบบสอบถามวัดการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (ไคเซ็น) จำนวน 6 ข้อแบ่งออกเป็น
2 ส่วน คือ การมีส่วนร่วมในกิจกรรม5 ส จำนวน
5 ข้อ และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมระบบข้อเสนอแนะ จำนวน 5 ข้อ ใช้มาตราวัดแบบ LikertScale มีคำตอบให้เลือก
5 ระดับ ประกอบด้วยคำถามเชิงบวก
ตอนที่ 9 แบบสอบถามเกี่ยวกับ ปัญหาและข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องกับระบบไคเซ็น เป็นคำถามแบบปลายเปิด
(Open-end Questions) จำนวน 2 ข้อ
การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวิจัย
แบบสอบถามก่อนนำไปใช้ในการเก็บข้อมูลจริง
ผู้วิจัยได้นำมาทดสอบหาค่าความเชื่อมั่น
(Reliability)
ของแบบสอบถาม โดยนำมาทดสอบกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 ชุด เพื่อนำมาหาค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดด้วยการหาสัมประสิทธิ์อัลฟ่า Cronbach
Alpha Coefficient โดยได้ค่าความเชื่อมั่นของแบบวัด อยู่ระหว่าง
0.71-0.87
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับในการวิจัยครั้งนี้โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการทดสอบสถิติ
ได้แก่
การวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณา(Descriptive
Statistics) โดยใช้ตารางแจกแจงความถี่ แสดงผลเป็นค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่ออธิบายถึงปัจจัยด้านส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพสมรส
ระดับการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน รายได้เฉลี่ยต่อเดือนและการฝึกอบรมเกี่ยวกับไคเซ็นการวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงอนุมาน
(InferentialStatistics) เพื่อใช้ทดสอบสมมติฐาน สำหรับวิเคราะห์ตัวแปรกลุ่มตัวอย่าง
2 กลุ่ม โดยใช้สถิติt-test และการวิเคราะห์ตัวแปรระหว่างกลุ่มตัวอย่างที่มากกว่า
2 กลุ่ม โดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว One-way ANOVA
(One way Analysisof Variance) และการหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
วิธีการหรือขั้นตอนการวิจัย
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ทำการวิจัยครั้งนี้มาจากการสุ่มตัวอย่างของพนักงานระดับปฏิบัติการของฝ่ายการผลิต
บริษัท ทีซีแอล ทอมสัน อิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) จำกัด โดยมีพนักงานระดับปฏิบัติการจำนวน 814 คน
(ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์: ตุลาคม 2547) ซึ่งมีขั้นตอนในการสุ่มตัวอย่างและวิธีการคำนวณหาขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นตัวแทนประชากรจากสูตร
Taro Yamane [6] ขนาดของกลุ่มตัวอย่างสำหรับการวิจัยครั้งนี้จำนวน
268 คนและทำการสำรองกลุ่มตัวอย่างอีก 5% ดังนั้นในการวิจัยครั้งนี้ใช้กลุ่มตัวอย่างเท่ากับ
281 คน โดยผู้วิจัยได้ทำการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ
(Stratified Sampling) โดยมีสายการผลิตเป็นตัวแปรการแบ่งชั้นภูมิคือพนักงานระดับปฏิบัติการสายการผลิตประกอบโทรทัศน์
(Final Line) และสายการผลิตแผ่นวงจรสำเร็จรูป (Chassis Line)
เนื่องจากมีจำนวนพนักงาน ระดับปฏิบัติการมากที่สุด จากนั้นนำกลุ่มตัวอย่างที่ได้มาทำการกำหนดจำนวนตัวอย่างแบบโควตา(Quota
Sampling) จะได้จำนวนตัวอย่างสายการ ผลิตละเท่าๆ กัน จำนวน
140 คนต่อสายการผลิตโดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่าง ตามจำนวนตัวอย่างเท่ากับ
281 คน เพื่อเป็นตัวแทนกลุ่มตัวอย่างสำหรับการวิจัยในครั้งนี้
ผลการวิจัย
1. ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง
จำนวน281 คน พบว่า พนักงานที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง
จำนวน 249 คน และเป็นเพศชาย จำนวน 32 คน
และพนักงานมีอายุ 28-37 ปี สถานภาพสมรส/อยู่ด้วยกัน มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช.
ประสบการณ์ทำงาน 6-11 ปี มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
5,000-5,999 บาท และมีจำนวนครั้งการฝึกอบรมเกี่ยวกับไคเซ็น
1-2 ครั้ง
2.
การมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (ไคเซ็น)
ของพนักงานอยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย2.82
และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.60) ความรู้เกี่ยวกับไคเซ็น
ประกอบด้วย กิจกรรม 5 ส และกิจกรรมระบบข้อเสนอแนะ พบว่า พนักงานมีระดับความรู้เกี่ยวกับไคเซ็นอยู่ในระดับสูง
จำนวน 257 คน (ร้อยละ 91.50)และมีความรู้เกี่ยวกับไคเซ็นอยู่ในระดับปานกลางจำนวน 24 คน (ร้อยละ 8.50) ตามลำดับ ทัศนคติของพนักงานต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น) อยู่ในระดับดี (ค่าเฉลี่ย 3.52 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.51)
แรงจูงใจของพนักงานต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น)อยู่ในระดับดี (ค่าเฉลี่ย
3.74 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน0.72) ขวัญและกำลังใจของพนักงานต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น) อยู่ในระดับดี(ค่าเฉลี่ย
3.44 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.53)การติดต่อสื่อสารต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น) อยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย2.59 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.71) การรับรู้นโยบายบริษัทของพนักงานต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น) อยู่ในระดับดี (ค่าเฉลี่ย 3.65 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.50)
3. ผลการทดสอบสมมติฐาน
5 ข้อ ในระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01
ข้อจำกัดของงานวิจัยหรือข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ประโยชน์
1.1 ควรเพิ่มประสิทธิภาพในช่องทางการสื่อสารกับพนักงานให้มากขึ้น
นอกเหนือจากช่องทางที่ใช้อยู่ เช่น บริการเสียงตามสายเพื่อตอกย้ำถึงการมีกิจกรรมร่วมในแต่ละครั้ง
เพราะเป็นวิธีการสื่อสารที่ใกล้ชิดและสะดวกรวดเร็ว ตลอดจนผู้บังคับบัญชาจะต้องแจ้งข่าวสารต่างๆ
ให้พนักงานได้รับทราบทุกครั้ง เพื่อให้พนักงานระดับปฏิบัติการนั้นสามารถที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารในการเข้าร่วมกิจกรรมมากยิ่งขึ้น
1.2 ควรส่งเสริมและสนับสนุนในด้านต่างๆ
เพิ่มขึ้นและเปิดโอกาสให้พนักงานได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกๆ ประเด็นของแต่ละกิจกรรมเพื่อให้การมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องนั้นสามารถประสบผลสำเร็จได้
1.3 ทำการกระตุ้นและโน้มน้าวใจให้พนักงานเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ
เพิ่มมากขึ้นในทุกๆกิจกรรมเพื่อก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมสูงสุด และความรู้เกี่ยวกับไคเซ็นควรที่จะสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับพนักงานเพิ่มเติม
เพราะว่าพนักงานบางส่วนอาจจะยังไม่เข้าใจถึงหัวข้อหรือประเด็นที่เกี่ยวกับไคเซ็นว่าเกี่ยวข้องกับอะไรบ้างแต่เมื่อพูดถึงในรายละเอียดของแต่ละกิจกรรมของไคเซ็นพนักงานจะมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ
มากกว่าการที่จะมองเป็นภาพรวมของไคเซ็นซึ่งเป็นความไม่รู้และความสับสนของพนักงานที่เกิดขึ้น
ดังนั้นทางแผนก WCM ควรที่จะจัดอบรมเพิ่มความรู้ในส่วนนี้ให้กับพนักงานเพิ่มมากขึ้น
และเมื่อพนักงานมีความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วจะส่งผลให้พนักงานเกิดทัศนคติและแรงจูงใจที่ดีต่อกิจกรรม
ตลอดจนย่อมที่จะสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในทุกๆ กิจกรรมมากขึ้น
2. ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
2.1 ควรมีการศึกษาถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการมีส่วนร่วมการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(ไคเซ็น) เช่น ความขัดแย้งภายในองค์กร ภาวะผู้นำเป็นต้น
2.2 ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของพนักงาน และปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ของบริษัทอื่นๆ ที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจคล้ายกันว่าเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร
2.3 ควรมีการศึกษาในเครื่องมือการบริหารคุณภาพอื่นๆ ที่เกี่ยวกับข้องกับการเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน
เช่น TPM,TQC, TQM เพิ่มขึ้น
The King Casino | Jancasino
ตอบลบThe King Casino is an exciting gaming, 코인카지노 dining ボンズ カジノ and entertainment destination conveniently located right on the Las 더킹카지노 Vegas strip. Jancasino is the Official Casino